วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วัดป่าเลไลยก์..มรดกไทยความภาคภูมิใจชาวสุพรรณ




วัดป่าเลไลยก์..มรดกไทยความภาคภูมิใจชาวสุพรรณ





          วัด เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของชาติ

ไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้จากโบราณสถานที่หลง

เหลือมาถึงปัจจุบันมีวัดต่างๆ รวมอยู่ด้วย อีกทั้งยังเป็นสถานที่

ประดิษฐานของพระพุทธรูป ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาว

พุทธ ประกอบกับที่วัดดำรงอยู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แสดง

ให้เห็นว่าคนไทยมีความศรัทธาและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

มากเพียงใด ดังนั้น ในสารคดีเรื่องนี้จึงนำเสนอวัดที่มีเรื่องราว

ทางประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่เคารพบูชาของคนในจังหวัด

สุพรรณบุรีและบุคคลทั่วไป นั่นก็คือ “วัดป่าเลไลยก์ นั่นเอง





ทางเข้าวิหารที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางเลไลยก์





                วัดป่าเลไลยก์ มีชื่อเต็มๆ ว่า วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็น


       วัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีความเก่าแก่ของจังหวัดสุพรรณบุรี
         

       สันนิษฐานว่ามีอายุราว ๑,๒๐๐ ปี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน 

       ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งชาวบ้านแถวนั้น

       เรียกว่า วัดป่า ภายในของวิหารเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต

       ปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัด

       สุพรรณบุรีมาแต่โบราณกาล โดยประดิษฐานอยู่ภายในวิหารที่มี

       ความวิจิตรงดงาม เนื่องจากองค์พระมีขนาดสูงใหญ่ประมาณ 

       ๒๓ เมตร สร้างตามแบบฉบับของศิลปะอู่ทองรุ่นที่สอง 




หลวงพ่อโต ปางเลไลยก์




                 นอกจากนี้วัดป่าเลไลยก์ยังมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับ

       วรรณคดีไทยเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ดังจะเห็นได้จากบท

       เสภา ดังต่อไปนี้


                                       

ทองประศรีดีใจหัวเราะร่า


  จริงแล้วเณรหนาแม่นึกได้

อันเมืองสุพรรณนั้นไซร้ 
        
ทางในท่านดีมีสององค์

        วัดป่าเลไลยก์ท่านสมภารมี  

  ทั้งขรัวที่วัดแคแม่เคยส่ง

      กับขุนไกรรักใคร่กันมั่นคง   

  จะพาลงไปฝากยากอะไร




                จากบทเสภาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า วัดป่าเลไลยก์นั้น


       มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะได้ถูกกล่าวถึงในวรรณคดี


       เรื่อง ขุนช้างขุนแผน เพราะจากหลักฐานภาพวาดฝาผนังภายใน

       วัดป่าเลไลยก์จะแสดงให้เห็นถึงตอนที่ขุนแผนได้มาบวชภายใน

       วัดแห่งนี้ ซึ่งวัดแห่งนี้มีการวาดจิตรกรรมฝาผนังเป็นเรื่องราว

       ตั้งแต่การกำเนิดของขุนช้างและขุนแผนจนถึงตอนจบของเรื่อง 

       มีการอธิบายระหว่างภาพว่าเกิดเหตุการณ์ใด มีความเป็นมา

       อย่างไร 





ภาพเขียนฝาผนังของวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนภายในวัดป่าเลไลยก์





                ด้านหลังของวัดจะมี บ้านขุนช้าง ซึ่งเป็นเรือนไทยที่

       ทำจากไม้สักทั้งหลังมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง ลักษณะของ

       เรือนไทยนั้น มีการสร้างตามบทพรรณนาเรือนของขุนช้างใน

       วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน และในเรือนไทยนั้นจะมีการจัด

       แสดงภาพวาดและบรรยายเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวละครที่อยู่ในเรื่อง

       ขุนช้างขุนแผน และมีตู้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ไม่ว่าจะเป็น

       ถ้วยโถโอชามในยุคนั้นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาอีกด้วย





ป้ายด้านหน้า บ้านขุนช้าง




ลักษณะด้านหน้าของบ้านขุนช้าง





ภายในตัวบ้านขุนช้างที่มีการจัดแสดงเครื่องใช้



                 วัดป่าเลไลยก์แห่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ที่ยึดเหนียว


         จิตใจของชาวสุพรรณบุรีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สถานที่


         แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์และ

         ทางวรรณคดีไทย เหมาะแก่การศึกษาหาความรู้ของ นักเรียน 

         นักศึกษา และบุคคลทั่วไป มีคุณค่าควรที่จะอนุรักษ์ไว้เพื่อคน

         รุ่นหลังสืบไป



















รายชื่อสมาชิก


นางสาวหทัยกาญจน์ เจนจัดการ ๐๓๕


นายพิทยา พูลทวี ๐๓๗


นางสาวภัทรธิราภรณ์ สดากร ๐๓๙


นางสาวรุจิรา ทองตาสี ๐๔๑


นางสาวบุณฑริก พวงเจริญ ๐๔๕


นางสาววรีย์ลักษณ์ วีระพัสดุ ๐๕๔


นางสาวดวงกมล คลื่นกระโทก ๐๕๘


นางสาววรรณวิภา ยิ้มเจริญ ๐๖๑


นางสาวนาถยา สุดครุฑ  ๐๖๒ 

















  

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย … มรดกทางวิถีชีวิต








ป้ายทางเข้า หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย





หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย มรดกทางวิถีชีวิต



สุพรรณบุรีเมืองยุทธหัตถี

วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง

รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์

แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง


                 สุพรรณบุรี เป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์บนพื้นที่ราบภาคกลางที่สืบสานความเจริญ

รุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีต   มีชื่อเดิมตั้งแต่ในยุคทวารวดีว่า เมืองพันธุมบุรี โดยมีหลักฐานทางโบราณคดีได้

จารึกชื่อไว้ในพงศาวดารเหนือ และนาม "สุพรรณภูมิ" ปรากฏในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ระบุ

ว่าเป็นนครรัฐที่มีความสำคัญมาก่อนกรุงศรีอยุธยา เมื่อมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยา เมืองสุพรรณบุรีจึงจัด

อยู่ในฐานะเมืองลูกหลวงซึ่งเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญเนื่องจากพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ในสมัยกรุง

ศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองสุพรรณบุรีเป็นเมืองหน้าด่านและเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญ ต้องผ่านศึก

สงครามหลายต่อหลายครั้ง สภาพเมืองตลอดจนโบราณสถานถูกทำลายเหลือเพียงซากปรักหักพัง จน

กระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เมืองสุพรรณบุรีได้ฟื้นตัวขึ้นใหม่ และตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำท่าจีน 

ตราบจนถึงทุกวันนี้

            และถ้าหากจะพูดถึงความเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ก็คงไม่มีใครไม่รู้จักสัตว์ที่อยู่คู่กับคนไทยและคอย

ช่วยเหลือในการทำกสิกรรมมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน สัตว์ที่ว่าก็คือ ควายนั่นเอง วันนี้เราจะพา

ทุกท่าน ไปสัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นอดีต ในยุคที่เรายังคงใช้ควายเป็นตัวช่วยในการทำกสิกรรมทำให้

เมืองสุพรรณบุรีกลายเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของไทย




ด้านหน้าของหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย





            สถานที่ที่เราจะพาทุกท่านมาสัมผัสก็คือที่ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ใน

จังหวัดสุพรรณบุรี หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จัดทำขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็น

วิถีชีวิตของคนไทยในสมัยก่อน ที่ใช้ ควายเป็นเครื่องมือทางกสิกรรม ภายในพิพิธภัณฑ์บ้านควายจะมี 

๒ ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่เป็นบ้านไทยให้เข้าพัก และในส่วนของการจัดแสดงถึงวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต 

มีทั้งบ้านที่จำลองมาจากวิถีชีวิตของคนในจังหวัดสุพรรณ สถานที่จัดแสดงความสามารถต่างๆของควาย

และมีคอกควายเรียงรายอยู่หลายสิบคอก เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้คนที่สนใจได้เข้าไปสัมผัส  ถึงวิถีชีวิต

ของคนไทยในอดีตที่เกี่ยวข้องกับควายและสัมผัสถึงบรรยากาศ กลิ่นอายของความเป็นสังคมกสิกรรม





ควายเผือกที่อยู่ในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย



ลานการแสดงควาย ในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย



            บริเวณภายในที่จัดแสดงและเป็นที่อยู่อาศัยของควายทั้งหลายจะมีการแบ่งแยกโซนออกจากกัน

ชัดเจน มีการดูแลเอาใจใส่ ทำความสะอาด และให้ความรักกับควายทุกตัวที่อยู่ในสถานที่นี้อย่างเท่าเทียม

 ทางเราได้มีโอกาสสนทนากับผู้ดูแลควายเหล่านี้ และได้ความว่า ควายทุกตัวในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย

 เป็นควายที่ทางหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยไปไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ และนำมาเลี้ยงรวมกันเพื่อที่จะคง

รักษาไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ เพราะในปัจจุบันคนไทยหันไปใช้เครื่องมือที่เป็นเครื่องจักรในการทำกสิกรรมแทน

ควายแล้ว ทางผู้ก่อตั้งหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยกลัวว่าสัตว์ที่อยู่คู่กับคนไทยในการทำกสิกรรมเหล่านี้จะ

สูญหายไป จึงได้ทำการอนุรักษ์และรวบรวมมาไว้ในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยแห่งนี้



บ้านเรือนไทยจำลอง ภายในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย



เกวียนจำลอง ภายในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย




            โดยหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยจะเปิดบริการทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. มีค่าเข้าชมสถานที่

ท่านละ ๓๐ บาท ค่าเข้าชมการแสดงท่านละ ๑๐๐ บาท และค่านั่งเกวียนท่านละ ๑๐๐ บาท 

           ถ้าหากท่านผู้อ่านสนใจในวิถีชีวิตแบบสังคมกสิกรรมในอดีต  เราขอแนะนำให้ทุกท่านไปสัมผัส

บรรยากาศที่บ้านอนุรักษ์ควายไทยแห่งนี้ แล้วท่านจะไม่ผิดหวังที่ได้ไปเยือน














รายชื่อสมาชิก

นางสาวภัทรธิราภรณ์ สดากร ๐๓๙

นางสาวรุจิรา ทองตาสี ๐๔๑

นางสาวบุณฑริก พวงเจริญ ๐๔๕

นางสาววรีย์ลักษณ์ วีระพัสดุ ๐๕๔

นางสาวดวงกมล คลื่นกระโทก ๐๕๘

นางสาววรรณวิภา ยิ้มเจริญ ๐๖๑

นางสาวนาถยา สุดครุฑ  ๐๖๒